4 เทรนด์เกี่ยวกับ InsurTech ที่อาจทำให้บริษัทประกันโตในไทย
รู้หรือไม่ว่า? เทคโนโลยีการประกันถูกรวมไปอยู่ใน Fintech ด้วย ซึ่ง เทคโนโลยีการประกันภัยนั้น เป็นหนึ่งใน Insurtech ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด ในหมู่ เทคโนโลยีทั้งหลาย ซึ่งดูเหมือนว่าจะชะงักในการพัฒนาไป อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019
แต่จริงๆแล้ว Insurtech ไม่ได้ถูกหยุดโดยโควิด แต่ในทางกลับกัน มีการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุด และมีการลงทุนสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ เราจะมาดูกันว่า การที่หลายบริษัทพากันระดมทุนในเรื่องนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับเทรนด์การประกันแบบ Insurtech ในอนาคต?
4 Trend หลักการประกันภัย ที่เกี่ยวเนื่องกับ Insurtech
คำว่า Insurtech มาจากคำว่า Insurance Technology ซึ่งเมื่อมีเทคโนโลยี ต้องมี Trend ที่เกี่ยวข้อง และในหลายปีที่ผ่านมามีการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างมหาศาล โดยที่ สิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดขึ้นก็คือ โควิดนั่นเอง
โรคระบาดไม่ได้ทำให้เกิดความกังวลในแวดวงประกันเท่าใดนัก แต่กลับทำให้มีการทำการศึกษาและลงทุนมากขึ้น ซึ่งแม้แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็ตาม ซึ่งเทรนด์เทคโนโลยีประกันภัยทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น ถูกรวบรวมออกมาเป็น 4 รูปแบบด้วยกันคือ
การใช้ Insurtech รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ สภาพเศรษฐกิจ และ สังคม
เนื่องจากโควิด ทำให้โลกเปลี่ยนไป การเดินทางน้อยลง ซึ่งอาจแปลว่า ความเสี่ยงในการขับรถยนต์ก็น้อยลงตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น การทำประกันรถยนต์ แบบ เปิดเมื่อขับรถ และ ปิดเมื่อจอดอยู่กับที่ หรือแม้กระทั่งการทำเทคโนโลยีประกันเพื่อเหมาะสำหรับคน WFH
การเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้งานออนไลน์
โดยการทำให้ Insurtech สามารถใช้งานผสานกับออนไลน์ เข้ากับชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น โดยการนำ Data ทุกอย่างผสานรวมกันเพื่อให้ได้ ข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยมีการระบุไว้ใน Mckinsey.com ว่า การซื้อประกันออนไลน์ในยุคปี 2030 จะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และมีแผนที่หลากหลาย โดยเฉพาะประกันสุขภาพ และ Motor Insurance ด้วย
ประกัน จะเป็นหนึ่งในสินค้าออนไลน์ เช่นเดียวกับการช้อปปิ้ง
ปัจจุบันเราจะเริ่มเห็น การ Cross-border มากยิ่งขึ้นระหว่าง การซื้อประกันออนไลน์ และ การช้อปปิ้ง ยกตัวอย่างเช่น AIA มีการแจก คูปอง LAZADA ผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง โดยการลงทะเบียน และ ในอนาคต แผนประกันต่างๆ จะถูกขยับมาเป็นออนไลน์ แบบ E-commerce Platform เลยทีเดียว
การประเมินความเสี่ยง และ การเคลมออนไลน์
เราอาจไม่จำเป็นต้อง เคลมประกันผ่านแบบฟอร์มกระดาษอีกต่อไป รวมถึง การประเมินราคาเบี้ยประกันนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เอกสาร หรือ การตรวจสุขภาพแบบ Face-to-Face ซึ่งมันอาจมีการประเมินสุขภาพออนไลน์ โดยที่ประกันจะประเมินความเสี่ยง (Risk Management) ได้ในชั่วพริบตา
ตัวอย่างของประกันที่ใช้เทคโนโลยีในประเทศไทย
แน่นอนว่า การประกันไม่ใช่แค่เพียงมี Call Center และโทรคุยเพื่อขายประกันเท่านั้น ประกันสุขภาพในอดีต จำเป็นที่จะต้องมี ตัวแทนประกันไปเคาะตามบ้านเพื่อขายกรมธรรม์ ซึ่งในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีระบบ Chat อย่าง LINE หรือ การตลาดที่ทำให้การขายประกันเปลี่ยนไป
แต่สิ่งหนึ่งที่ Insurtech จะเข้ามาแทรกซึม หรือ Disrupt ได้ นั่นก็คือการใช้ Technology การประกันภัย ยกตัวอย่าง Hugsinsurance ที่มีการใช้เทคโนโลยีประกันภัย จำหน่าย ประกันสุขภาพ ในช่องทางออนไลน์ โดยมีความน่าสนใจตรงที่ สามารถดึงดูดให้หลายคน เข้ามา กรอกแบบสอบถาม และประเมินเบี้ยประกันได้
และทั้งหมดนี้ ก็คือ เทคโนโลยี Insurtech ที่อาจเข้ามา Disrupt ชีวิตของบริษัทประกัน รวมถึง ชีวิตของลูกค้าประกันต่างๆ ในอนาคตอย่างดี