ผู้ว่าฯ ยืนยันดัน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แม้โควิดเข้าขั้นวิกฤตแล้ว
ในขณะนี้ต้องยอมรับเลยว่าประเทศไทยยังไม่พ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยล่าสุดวันนี้ (6 ก.ย. 64) มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 13,988 ราย (ยังไม่รวมการตรวจโควิดแบบ ATK อีก 2,404 ราย) และผู้เสียชีวิต 187 ราย ทำให้ในขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 1,294,522 ราย (ไม่รวม ATK) และผู้เสียชีวิตสะสมในการแพร่ระบาดระลอกใหม่จำนวน 12,948 ราย
เดลตากระจายทั่วเกาะภูเก็ต วัคซีน 2 เข็มเอาไม่อยู่
ซึ่งตอนนี้จังหวัดท่องเที่ยวอย่าง ‘ภูเก็ต’ ก็กำลังรับมือกับวิกฤตในครั้งนี้อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงเปิดฤกษ์เดือนใหม่เดือนกันยายนในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ภูเก็ตพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 900 ราย ทั้งที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 เข็มกว่าร้อยละ 79 และอยู่ในช่วงเปิดรับนักท่องเที่ยว ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

เดลตากระจายทั่วเกาะภูเก็ต วัคซีน 2 เข็มเอาไม่อยู่
โดยการระบาดในช่วงแรก ภูเก็ตติดเชื้อจากโควิดสายพันธุ์อัลฟา แต่ในตอนนี้สายพันธุ์เดลตา ได้กลายเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลที่สุดและระบาดหนักที่สุดเช่นกัน ซึ่งวัคซีนที่คนในภูเก็ตฉีดไปต้องยอมรับว่าป้องกันโควิด-19 ได้ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังสามารถป้องกันอาการเจ็บหนักและเสียชีวิตได้ โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อสีเขียว 85% ผู้ป่วยอาการปานกลาง 13% และผู้ป่วยอาการหนัก 1-2% ซึ่งเรื่องนี้ราชวิทยาลัยฯยืนยันว่าผู้ป่วยทะลักถึง 3 เท่า
ภูเก็ตเร่งขยายเตียงรับผู้ป่วยสีเหลือง ปรับชุมชนดูแลผู้ป่วยสีเขียว
สำหรับประเด็นเรื่องการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยโควิดในภูเก็ต นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า ในตอนนี้เชื้อเดลตาได้เข้ามาระบาดในภูเก็ตกว่า 70% นั่นจึงทำให้เกิดวิกฤตกับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงมากขึ้น ในตอนนี้จึงได้ออกมาตรการขยายเตียงในโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 และ 2 จากเดิมที่เคยรับผู้ป่วยสีเขียว ก็ให้ปรับมาเป็นรับผู้ป่วยสีเหลืองแทน

ภูเก็ตเร่งขยายเตียงรับผู้ป่วยสีเหลือง ปรับชุมชนดูแลผู้ป่วยสีเขียว
และได้มีการขยายศูนย์ Cl และ Hospitel เนื่องจากหลายแห่งมีผู้ป่วยสีเขียวถึง 85% หากเป็นไปได้ก็จะให้ชุมชนเป็นผู้ช่วยดูแลผู้ป่วยสีเขียวเพื่อลดการเดินทางมาโรงพยาบาล ด้วยการอยู่บ้าน หรือ Hospitel ส่วนระบบสาธารณสุขต่าง ๆ ทางโรงพยาบาลจะดูแลให้ ทั้งนี้ยังย้ำว่าเราต้องช่วย ๆ กันดูแลเก็บเตียงในโรงพยาบาลให้กับคนไข้ที่วิกฤตและจำเป็นจริง ๆ นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตยังได้กล่าวอีกว่า ‘วันนี้ความสามารถทางการแพทย์ถึงจุดวิกฤต จากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่รุนแรงกระจายไปทั่วภูเก็ต คนภูเก็ตต้องเดินหน้าต่อ สถานการณ์เตียงก็ใกล้วิกฤต ดังนั้นจึงต้องปรับวิธีการทำงานใหม่ โดยจะมีการประชุมกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันดูแลผู้ป่วย’
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เดินต่อได้ แต่ต้องปรับตามสถานการณ์
ในส่วนของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ทั้งผู้ว่าฯและนพ.ฉลิมพงษ์ ก็ยังยืนยันว่าสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพียงแค่ต้องปรับรูปแบบให้เป็นไปตามสถานการณ์ เพื่อให้ภูเก็ตสามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ อีกทั้งการมีอยู่ของ แซนด์บ็อกซ์ ยังเป็นทางรอดของเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงถึงปากท้องของประชาชน ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าในช่วงที่มีภูเก็ตแซนบ็อกซ์นั้น ทำให้ภูเก็ตมีเงินสะพัดถึง 1.6 พันล้านบาท

ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เดินต่อได้ แต่ต้องปรับตามสถานการณ์
ซึ่งช่วงวันที่ 2 กันยายน 2564 ที่ผ่านมากองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 3 กันยายน 2564 ว่ามีนักท่องเที่ยวสะสมแล้วกว่า 26,400 คน และสร้างรายได้กว่า 1,634 ล้านบาท ผ่านโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร บริการทางการแพทย์ ฯลฯ โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มากที่สุด ได้แก่
- นักท่องเที่ยวสหรัฐฯ จำนวน 3,482 คน
- นักท่องเที่ยวอังกฤษ จำนวน 3.351 คน
- นักท่องเที่ยวอิสราเอล จำนวน 2,909 คน
- นักท่องเที่ยวเยอรมนี จำนวน 2,092 คน
- นักท่องเที่ยวฝรั่งเศส จำนวน 2,083 คน
แต่ในอนาคตหากภูเก็ตยังคงมีจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ หน่วยงานในภูเก็ตก็น่าจะมีการปรับรูปแบบการท่องเที่ยว หรืออาจจมีการยกเลิกไปได้เช่นกัน ถึงอย่างไรก็ขอให้สถานการณ์นี้ผ่านไปได้ในเร็ววัน เพื่อให้คนในประเทศได้มีกลับมาครึกครื้น ใช้ชีวิต และมีความสุขเหมือนเดิม สำหรับในตอนนี้ก็อยู่บ้านล็อกดาวน์ตัวเอง หรือสมัครตรงไม่ผ่านเอเย่นต์แก้เหงาไปก่อนก็ได้นะ